2553/09/07

ISAO


           ISAO ออกเสียงว่า อิซาโอะ กับคอนเซ็ปต์ Fusion Japanese Sushi Bar แม้ร้านจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ดูสบายๆ เป็นกันเอง ตกแต่งได้อย่างน่านั่ง และมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นด้วยงานไม้ไผ่ ให้เราเลือกนั่งได้ที่เคาน์เตอร์ซูชิบาร์ หรือโซนโต๊ะเก้าไม้อีกฝั่งก็ได้


         และแล้วช่วงเวลาแห่งความสุขสันต์ก็มาถึง พร้อมกับหลากหลายเมนูมาวางอยู่ตรงหน้า เริ่มที่ Volcano (250 บาท) หรือ หอยระเบิด อาหารเรียกน้ำย่อยรสชาติจัดจ้านสมชื่อ หอยเชลล์อบกับครีมซอสรสเข้มข้น เสิร์ฟร้อนๆ เวลาทานใช้ช้อนตัก จะได้สัมผัสรสชาติหอยเชลล์ผสานซอสที่มีทั้งเผ็ด มัน และกลมกล่อม


           ต่อด้วย Winter (250 บาท) กุ้งเอบิ, เนื้อปู, ผักโขม, อะโวคาโด, ผักไควาเระ, แครอท, ไชเท้า ห่อด้วยสาหร่ายโนริและแผ่นแตงกวา ราดด้วยซอสมิโซะ มาถึงคิว Sushi Sandwich (300 บาท) ซูชิในหน้าตาเลียนแบบแซนด์วิช ไส้ทูน่าและแซลมอนสับ ผสมหอมซอยและโฮมเมดซอส โรยด้วยแป้งเทมปุระกรุบกรอบกับไข่กุ้ง


            มาร้านนี้ห้ามพลาดเมนูฮิตติดชาร์จอย่าง Jackie (350 บาท) ซูชิในรูปหนอนตัวอ้วน แก้มป่องๆ มีลูกตาสีส้มสดใส ไส้ในเป็นกุ้งเทมปุระ, ไข่กุ้ง, อะโวคาโด ห่อด้วยกุ้งเอบิ แล้วราดซอสสูตรพิเศษรสเปรี้ยวๆ หวานๆ ถือเป็นเมนูฮิตติดชาร์ทที่นี่เลยล่ะ ตบท้ายของหวานอย่าง Mixed Ice Cream ไอศครีมรสวานิลลา ชาเขียว และสตรอเบอร์รี่ พร้อมถั่วแดงกวนสไตล์ญี่ปุ่น

      นอกจากซูชิ ข้าวปั้นต่างๆ คอปลาดิบทั้งหลายไม่ต้องห่วง เพราะมีให้คุณได้อร่อยกับปลาสดๆ กันแบบไม่อั้น และหากเปรียบเทียบราคา กับปริมาณจานใหญ่ไซส์บิ๊กเบิ้มขนาดนี้ บวกกับคุณภาพของวัตถุดิบสดใหม่ รับประกันว่า เกินคุ้มค่ะ ไม่เชื่อ ไปพิสูจน์กันเองได้ พิกัดร้านตั้งอยู่ที่ ISAO ซอยสุขุมวิท 31 ตรงเข้ามาประมาณ 150 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือ ใครขับรถมาเอง ไปจอดได้ที่ตึก Fenix แล้วเดินเข้ามาอีกหน่อยนะคะ


ที่ตั้ง : 5 ซอยสุขุมวิท 31 (ใกล้รถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์) ถนนสุขุมวิท

โทร : 0-2258-0645-6 แฟกซ์: 0-2258-0646

เว็บไซต์ : www.isaotaste.com

เปิดบริการ : จ - ศ 11.00 - 14.30 น., 17.30 - 22.00 น.,
                    ส - อา 11.00 - 23.00 น.

ราคาต่อท่าน : (โดยประมาณ) 500 บาท

ขอบคุณ : http://travel.sanook.com/ร้าน-isao-925910.html#comments


2553/09/02

เขาวังคู่บ้าน ขนมหวานเมืองเพชร

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี



          เจดีย์และอาคารสีขาวปรากฎให้เห็นอยู่ลิบ ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสไปเยือน จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดเพชรบุรีก็ว่าได้ ใช่แล้ว! เรากำลังพูดถึง "เขาวัง" โบราณสถานเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเพชรบุรี สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องแวะเวียนไปเยี่ยมชม และวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ย้อนวันวาน ค่อย ๆ ย่างก้าวไปทำความรู้จัก "เขาวัง" พระราชวังแห่งแรกในหัวเมืองสมัยรัตนโกสินทร์กันค่ะ...


 
 

        อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี หรือที่รู้จักกันในนาม "เขาวัง" เป็นพระราชวังใน อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี แต่เดิมเรียกว่า เขาสมณ (สะ-หมน) หรือ เขามไหศวรรย์ (เพี้ยนมาจากเขามหาศวรรค์) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เรียกสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ บนยอดเขาทั้ง 3 นี้ว่า พระนครคีรี สร้างเสร็จในราวปี พ.ศ. 2402 โดยมีพระราชประสงค์ใช้เป็นสถานที่แปรพระราชถานในฤดูร้อน และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมทางพุทธศาสนา มีความสูง 95 เมตร จากระดับน้ำทะเล



        บนยอดเขาทั้ง 3 ยอดนี้ ประกอบไปด้วยพระที่นั่งต่าง ๆ ที่สำคัญได้แก่ ทางยอดเขาตะวันตกมี พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ พระที่นั่งปราโมทย์มไหศวรรย์ พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท พระที่นั่งราชธรรมสภา พระตำหนักสันถาคานสถาน หอพิมานเพชรมเหศวร หอจตุเวทปริตรพงษ์ และหอชัชวาลเวียงชัยซึ่งเป็นหอดูดาว สถาปัตยกรรมหลักเป็นแบบ "นีโอคลาสสิคผสมสถาปัตยกรรมจีน" ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้สมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 เช่นเครื่องลายคราม เครื่องสังคโลก และเครื่องใช้จากยุโรปและญี่ปุ่นสมัยก่อน



             ยอดเขากลางเป็นที่ตั้งพระเจดีย์นามว่า "พระธาตุจอมเพชร" ซึ่งแต่เดิมเป็นเจดีย์บนยอดเขาที่ปรักหักพังมาก รัชกาลที่ 4 จึงทรงให้สร้างเจดีย์ใหญ่ครอบองค์เดิม ความสูงขององค์พระธาตุราว 40 เมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้สักกระบูชา ส่วนยอดเขาด้านตะวันออกทรงโปรดให้สร้างวัดขึ้นเรียกว่า "วัดพระแก้วน้อย" เพื่อจำลองวัดพระแก้วในพระบรมหาราชวังในกรุงเทพมหานคร โบสถ์ของวัดพระแก้วน้อยและหมู่อาคาร เช่น พระปรางค์แดงและพระสุทธเสลเจดีย์ที่ก่อสร้างด้วยศิลาแลง ถอดมาจากเจดีย์บนเกาะสีชังเพื่อนำมาประกอบขึ้นใหม่ที่นี่ และศิลปะปูนปั้นบนหน้าบันของพระอุโบสถยังเป็นอีกสิ่งที่น่าชมเช่นกัน

       นอกจากนั้น ยังมีศาลาเล็ก ๆ ทางเดินเชื่อมต่อกันระหว่างยอดเขาและหมู่อาคาร ภายใต้ร่มเงาของต้นลีลาวดีที่ออกดอกสีขาวและส่งกลิ่นหอมทั่วเขาวัง การเข้าชมโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี นอกจากจะได้ความรู้ในเรื่องประวัติศาสตร์แล้ว ผู้เข้าชมยังได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามของเนินเขาและตัวเมืองเพชรบุรีโดย รอบอีกด้วย




 


      การเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี สามารถขึ้นได้ 2 ทาง คือเดินขึ้นทางด้านหน้าด้านทิศตะวันออก หรือขึ้นรถรางไฟฟ้าทางด้านทิศตะวันตก เสียค่าบริการขึ้น-ลง คนละ 40 บาท และเสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชมเฉพาะผู้ใหญ่ คนไทย 20 บาท
ชาวต่างชาติ 150 บาท
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.30 น.

 
 
 

 
 
          เพชรบุรีเป็นเมืองแห่งต้นตาลโตนด ในท้องทุ่งนาเมืองเพชรมองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นตาล ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร นับตั้งแต่อาคารคาวไปจนถึงอาหารหวาน ของกินเล่น อาหารและขนมที่ทำจากลูกตาลโตนดนี้ เป็นปรากฏในบทสวดบินของเก่า ซึ่งได้กล่าวถึงอาหารคาวหวานของเมืองเพชรบุรีไว้อย่างติดอกติดใจว่า...



"เพชรบูรีแกงหัวตาล            เนื้อย่างฝานบาง ๆ ใส
                                            เนื้อวัวแลตับไก่                   แกงกับใบโหระพา"

                                           "ขนมเพชรบูรี                       ใหญ่สิ้นดีทั้วหวานมัน        
                                            ผู้ดีเมืองเพชรนั้น                 เขายกย่องกันเป็นอย่างดี  
                                            โตนดเต้าแลจาวตาล          เปนเครื่องหวานเพชรบุรี     
                                            กินกับน้ำตาลยี                    ของมีมาช่วยกัน"

          เหล่านี้เป็นส่วนน้องของผลผลิตที่ต้นตาลโตนดให้แก่ชาวเมืองเพชรบุรี ส่วนต่างๆ ของต้นนำมาใช้ประโยชน์ได้อีกมาก เช่น เนื้อไม้นำมาทำเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี หรือแม้แต่ขี้เถ้าของใบตาล นอกจากเป็นปุ๋ยแล้วยังนำมาละลายทำขนมเปียกปูนได้อีกด้วย
 
ขอบคุณ:
http://travel.kapook.com/view14757.html
http://www.chaiwbi.com
 
 

2553/08/31

Cheesecake House & Restaurant

              ถ้าถามว่าขนมเค้กร้านไหนที่คุณคิดว่าอร่อยที่สุด จริงๆ แล้วต่างคนก็ต่างชอบกันใช่มั้ยคะ แต่สำหรับ We Recommend มีอยู่หลายร้านโปรดแบบ นับไม่ถ้วนเลยล่ะ และหนึ่งในรายชื่อร้านเค้กสุดโปรด ของเราเป็นชีสเค้กแสนอร่อยของ Cheesecake House ซึ่งเชื่อว่าที่นี่ก็เป็นร้านโปรดของใครหลายๆ คนเหมือน


          Cheesecake House & Restaurant ร้านชีสเค้กตั้งแต่สมัยคุณแม่ เปิดให้บริการความอร่อยของชีสเค้กสูตรโฮมเมดแท้ๆ ปัจจุบันนี้ก็ย่างเข้าสู่ปีที่ 26 แล้วค่ะ และได้ทำการ Renovate ตกแต่งร้านใหม่ ให้กลายเป็นคาเฟ่เล็กๆ ในบรรยากาศอบอุ่นน่านั่ง เปิดประตูเข้ามาเจอเคาท์เตอร์ขนมอบหอมกรุ่น อย่างพาย คุกกี้ ขนมปังใกล้ๆ กันเป็นตู้โชว์ชีสเค้กกว่า 20 ชนิดและเค้กอื่นๆ อีกกว่า 20 ชนิด อบสดใหม่ๆ ให้เราเลือกอร่อยกันได้ตามชอบเลยค่ะ


              นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องชีสเค้กแล้ว ที่นี้ยังมีอาหารจานพิเศษให้คุณอิ่มท้องสำหรับมื้อเที่ยง ซึ่งเน้นเมนูง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยความอร่อย ไม่ว่าจะเป็น เส้นใหญ่หมูยำแซ่บคะน้ากรอบ (150 บาท) เส้นใหญ่กับหมูนุ่มๆ ราดน้ำยำรสแซ่บ พร้อมผักสดกรอบ ต่อด้วยฟิวชั่นโฮมเมด สปาเก็ตตี้หมึกดำเนื้อเค็ม (185 บาท) รสกลมกล่อมเผ็ดนิดๆ หอมกระเทียมและโหระพา อีกเมนูน่าทาน ข้าวหมูสามชั้นตุ๋นหม้อดิน (150 บาท) หมูตุ๋นหอมเปื่อยนุ่มกับข้าวสวยร้อนๆ ทานเคียงกับกระหล่ำปลีดอง


            พักเบรคด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ ซักแก้ว 2 แก้วนะคะ Pink Lemonade (60 บาท) น้ำมะนาวสีทับทิมรสหวานเย็นปนซ่า Lemongrass Sling (60 บาท) น้ำมะนาวสด หอมกลิ่นใบสาระแหน่
         
      

            มาลองขนมอบอร่อยๆ กันบ้างค่ะ เริ่มที่ Taro Cup Cake (70 บาท) คัพเค้กเผือกหอมนุ่มกำลังดี Cinnamon Roll (22 บาท) เนื้อแป้งแบบโดนัทราดด้วยครีมชินนาม่อน หรือ Apple & Cinnamon (22 บาท) แป้งนุ่มราดครีมแอปเปิ้ลผสมชินนาม่อน, Lemon Meringue Pie (80 บาท) เลม่อนเมอแรงก์มูสฟูนุ่มหวานตัดเปรี้ยวเข้ากันดี


             และไฮไลท์ของร้านนี้ต้องนี่เลย Strawberry Cheesecake (100 บาท)    ชีสเค้กเนื้อเนียนสีเหลืองนวลนิ่มนุ่มลิ้น กับสตรอว์เบอร์รี่สดลูกโต และ Strawberry Short Cake (90 บาท) ครีมนุ่มสลับกับแป้งชอร์ตเค้ก ทานกับสตรอเบอร์รี่ซอส

           คงไม่เกินไปถ้าจะบอกว่าชีสเค้กของร้านนี้อร่อยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และเชื่อว่าหากคุณได้ลองทานอาหารและเค้กอร่อยของ Cheesecake House รับรองได้ว่าต้องติดใจและที่นี่จะกลายเป็นร้านโปรดของคุณแน่นอนค่ะ



ที่ตั้ง :
69/2 ซอยแจ่มจันทร์ (ซอยทองหล่อ 20) เอกมัย เขตวัฒนา กรุงเทพฯ


โทร :
สาขาทองหล่อ 0-2711-4149,
สาขาเมเจอร์เอกมัย 0-2714-2880

 
เปิดบริการ :
09.00 - 21.30 น. ทุกวัน